หมอเส็งคืออะไร...?

                                                 

หมอเส็ง คือใคร ???

ปรมาจารย์สมุนไพรนามว่า "หมอเส็ง" ผู้เป็นเจ้าของตำหรับยาสมุนไพรว่านชักมดลูกอันโด่งดัง

มาทำความรู้จักกับ “ปรมาจารย์สมุนไพร” ที่ชื่อ

หมอเส็ง   ทายาทหมอสมุนไพรวังหลวงจีน

                
                                                    

(นาย ฉัตรชัย แสงสุริยะฉัตร)
ปริญญาโท มหาบัญฑิตกิตติมศักดิ์
สาขาเทคโนโลยีการจัดการสุขภาพ

                                                                                          
                                                        

หมอเส็ง คำว่า “หมอ” ไม่ใช่คำนำหน้าชื่อที่ตั้งกันขึ้นมาเอง แต่ท่านได้รับการรับรองและมีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งท่านได้รับใบอนุญาตถึง 2 สาขา คือ

  1. ใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะสาขาเวชกรรม (ตรวจวิเคราะห์โรค)
  2. ใบอนุญาติประกอบโรคศิลปะสาขาเภสัชกรรม (ปรุงยาสมุนไพร)

ใบอนุญาตออกโดย คณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปะ กระทรวงสาธารณสุข

กว่าจะมาเป็น “หมอสมุนไพรไทยจีนที่โด่งดังและสร้างความร่ำรวยนับหมื่นล้าน” ต้องผ่านความลำบากทุกข์ยากมามากมาย เคยผิดพลาด ทำธุรกิจเจ๊งมาหลายหน ล้มลุกคลุกคลานมามาก เรื่องราวที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้คือเป็นประวัติความเป็นมาของ หมอเส็ง  ที่น้อยคนนักจะได้รู้ (ค่อนข้างยาวเลยทีเดียวใครอ่านรวดเดียวจนจบถือว่ารักกันจริง)

ประวัติของ  “หมอเส็ง”

ต้นตระกูลของหมอเส็ง มีชื่อแซ่ว่า “แซ่เอี๊ยบ” ซึ่งเป็นหมอสมุนไพรในวังหลวงประเทศจีน  และยังเป็นผู้บัญญัติเนื้อหาในคัมภีร์ยาโบราณสำคัญๆของจีนอีกด้วย คัมภีร์ยาเหล่านั้นยังคงตกทอดมาจนถึงปัจจุบันและยังมีการพิมพ์จำหน่ายอยู่ในทุกๆปี

                 
                                                 

บรรพบุรุษ สืบทอดวิชาแพทย์สมุนไพรมานานหลายชั่วอายุคน เตี่ยเองก็ได้ร่ำเรียนวิชามาจากก๋ง ในสมัยนั้นเมืองจีนเกิดปัญหาทางการเมือง ชาวบ้านถูกปล้นสะดม ผู้คนอดอยาก ยากจน ชาวบ้านต่างก็เดือดร้อนกันไปทั่วดินแดน ก๋งจึงส่งเตี่ยลงเรือสำเภาหนีมาอยู่กับญาติที่เมืองไทย ตั้งแต่เตี่ยอายุ 10 ขวบ ขณะนั้นบ้านญาติเป็นร้านขายยาสมุนไพรไทย-จีน ตั้งอยู่ในตลาดบ้านใหม่ อ.บ้านใหม่ จ.ฉะเชิงเทรา

                                          

พื้นฐานความรู้ ด้านสมุนไพรของเตี่ยที่ติดตัวมา ได้นำมาใช้แบ่งเบาภาระในร้านขายยาของญาติ พร้อมกับได้ศึกษาเพิ่มเติมที่นี่จนเก่ง หลายปีต่อมาบรรดาญาติๆเกิดปัญหาทะเลาะกัน เตี่ยจึงตัดสินใจขอแยกตัวออกมาเปิดร้านขายยาสมุนไพรเอง ที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา โดยใช้ชื่อว่า “ฮกแซตึ๊ง” ในสมัยนั้นคนเรียกเตี่ยว่า “หมอเส็ง” ซึ่งเพี้ยนมาจาก “หม่วยเซ็น” ที่เป็นชื่อจริงๆของเตี่ย

                    
                                             

ในสมัยเตี่ยเปิดร้าน ยังไม่มียาฝรั่งเข้ามามากนัก มีเฉพาะในกรุงเทพและเมืองใหญ่ๆ หมอไทยและหมอจีนต่างก็ใช้สมุนไพรรักษาโรค สมุนไพรในร้านฮกแซตึ๊งมีคนนำมาเสนอขาย บวกกับเตี่ยสั่งสมุนไพรมาจากเมืองจีนทางเรือสำเภา ทำให้ร้านฮกแซตึ๊งเป็นแหล่งรวมยาสมุนไพรที่มีครบทั้งสมุนไพรแห้ง สมุนไพรสด ยาหม้อ ยาผง ยาลูกกลอน และยาอื่นๆ

                                               

เตี่ยมีความเชี่ยวชาญ การรักษาโรคด้วยสมุนไพร ร้านฮกแซตึ๊งจึงไม่ใช่แค่ขายยาแต่ยังตรวจรักษาโรคด้วย เตี่ยตรวจรักษาแบบจีนโบราณที่เรียกว่า “การแมะ” คนป่วยที่มารักษาต่างก็หายจากอาการเจ็บป่วยจึงบอกต่อๆกันไป ทำให้ชื่อเสียงเลื่องลือไปไกล สมัยนั้นเตี่ยไว้เครายาวจึงได้รับขนาดนามว่า “ซินแสหนวดเคราผู้เปรียบเหมือนหมอเทวดา” ผู้คนที่เจ็บป่วยไม่ว่าอยู่ที่ไหนหากได้ยินชื่อเสียงของเตี่ย ก็ต้องเดินทางมารักษาที่ฮกแซตึ๊งแห่งนี้

                   
                                           

หมอยาสมุนไพรชั้นเซียน หมอชาวจีนบางคนไม่ชอบเปิดร้านอยู่กับที่แต่ชอบเดินทางไปตามเมืองต่างๆ เพื่อรักษาคนป่วยและฝึกวิชาแพทย์ให้เก่งกาจ หมอเหล่านี้ชาวจีนเรียกว่า “หมอจรยุทธ์” พวกเขามักจะมาแวะพักที่ร้านฮกแซตึ๊งเพื่อซื้อยาสมุนไพร และแลกเปลี่ยนสูตรปรุงยารักษาโรคต่างๆทั้งโรคทั่วไปและโรคที่รักษายาก ซึ่งที่ร้ายฮกแซตึ๊งมีห้องพักเหมือนกับโรงเตี๊ยมเอาไว้ให้พักด้วย ร้านฮกแซตึ๊งจึงเปรียบเหมือนสถานที่รวมสมุนไพรครบวงจรและเป็นแหล่งรวมสูตรปรุงยาชั้นยอดอีกด้วย

                                           

หมอเทวดาถือกำเนิด เตี่ยเป็นชาวจีนแคะ เมื่อสมัยเตี่ยอายุได้ 40 กว่าๆก็พบรักกับสาวจีนแต้จิ๋วและได้ให้กำเนิดเต็งเฮี้ยง  (หมอเส็ง มีชื่อภาษาจีนว่า “เต็งเฮี้ยง”) แต่ใครๆก็ไม่เรียกเต็งเฮี้ยงเพราะสมัยเด็กเป็นเด็กซน จนถูกเรียกว่า “ซื้อหมั่น” แปลว่า เด็กดื้อ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นคนเรียนเก่งและความจำดี ได้ช่วยหยิบจับล้างยา หั่นยา อบยา ตั้งแต่ 4 ขวบ บวกกับเตี่ยที่คอยสอนแบบค่อยเป็นค่อยไปและมีแม่ช่วยทบทวนจึงสามารถจดจำสมุนไพรได้เป็นร้อยๆชนิด ถึงแม้ว่าที่ใช้อยู่ประจำจะเป็นสมุนไพรเพียงแค่ 20% ของที่จำได้ทั้งหมดก็ตาม

ความใฝ่ฝันเหนือ กว่าแพทย์แผนปัจจุบัน

หมอเส็ง ใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากเป็นหมอที่เก่งกาจ โรคที่หมอคนอื่นรักษาไม่ได้มาถึงมือต้องรักษาให้หายขาด ต้องเหนือกว่าหมอแผนปัจจุบันให้ได้

                                       

ช่วงเฟื่องฟูรุ่งเรือง ร้านฮกแซตึ๊งอันโด่งดัง มีคนไข้และลูกค้ามาซื้อยามากขึ้นจนร้านที่บางคล้ารองรับไม่ไหวต้องขยายร้านไปอยู่ที่ถนนเสือป่ากรุงเทพ ผู้คนมากมาย รายได้ล้นหลาม แต่…

                                            

ชะตาฟ้าพลิกผัน หลังขยายร้านไปที่ถนนเสือป่าร้านเฟื่องฟูอยู่ได้ 3 ปี โรงงานผลิตยาสมุนไพรที่บางคล้าก็เกิดไฟไหม้ เสียหายมากจนเกือบล้มละลาย ต้องขายตึกที่เสือป่าแล้วย้ายกลับมาอยู่ที่บางคล้า โดยซื้อบ้านเล็กๆหลังคามุงด้วยใบจากที่นำมามัดเป็นตับ ฝนตกน้ำก็รั่วลงมาในบ้านต้องนอนหลบๆมุม ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยท้อ มาเริ่มขายยาอีกครั้งด้วยเครื่องมือธรรมดาๆ ตู้ยาเล็กๆ ยากจนขนาดต้องไปขอยืมเงินญาติๆมาทำทุน

                                        

ตั้งหลักใหม่ หลังจากอดทนต่อสู้ประหยัดอดออมมา 2 ปี เตี่ยก็สามารถเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง มันมากพอที่จะไปเปิดร้านใหม่ที่ตลาดบางคล้าได้อีกครั้ง ในระหว่างสองปีนั้นเตี่ยได้สอนหมอเส็งอย่างหนักและเข้มงวด ทั้งวิชาสมุนไพรและวิธีการตรวจโรคด้วย “การแมะ”

                  
                                             

การแมะนั้นก็คือ การจับชีพจรว่าผิดปกติอย่างไร ชีพจรเต้นอย่างมีพลังไหม จังหวะแน่นหรือเปล่า บางคนชีพจรจมลึก เต้นช้าไป หนืดไป บางคนชีพจรลอย ร่วมกับการสังเกตสภาพหน้าตา แววตา ริมฝีปาก ลิ้น ผิวพรรณ สีเลือด และยังต้องดูความสมดุลของธาตุทั้ง 4 ในร่างกายอีกด้วย หลังจากนั้นรวมๆแล้วเตี่ยได้ฝึกสอนให้กับหมอเส็งอย่างเข้มงวดร่วมกับเรียนรู้จากหมอจรยุทธ์ยาวนานนับ 10 ปี

                                  

เก็บเกี่ยวประสบการณ์ เมื่ออายุได้ 18 ปี เตี่ยก็ให้ทำหน้าที่เป็นหมอแทนเตี่ยโดยมีเตี่ยคอยดูแลอย่างเข้มงวด และต่อมาเตี่ยได้ส่งหมอเส็งไปหาประสบการณ์โดยการส่งให้ไปเป็นลูกจ้างร้านขายยา เพราะโรคภัยมันซับซ้อน คนป่วยเป็นโรคเดียวกัน แต่โครงสร้างร่างกายไม่เหมือนกันจึงต้องจัดยาต่างกัน หมอเส็งจึงจำต้องออกไปหาประสบการณ์ ร้านแรกที่ไปเป็นลูกจ้างมีชื่อว่า “หน่ำจี๊ตึ๊ง” แถวบางรัก ค่าจ้างเดือนละ 350 บาท มีหน้าที่เจียดยา มีทั้งยาจีนและยาฝรั่ง อยู่ร้านนี้ได้ 2 ปี ก็ลาออกไปเป็นลูกจ้างร้านขายยาแถวประตูน้ำจนมีชื่อเสียงเพราะความรู้ที่ติดตัวมานั่นเอง และเพราะชื่อเสียงนี้เองทำให้ได้มีโอกาสไปเป็นผู้จัดการร้านขายยาขนาดใหญ่แถวพระโขนง งานที่ร้านนี้ยากกว่าเดิมเพราะต้องจำราคายาเป็นร้อยๆชนิด และต้องฝึกบริหารจัดการ ฝึกการทำบัญชี…

                   
                                         

เถ้าแก่น้อยร้านขายยา หมอเส็งเปิดร้านขายยาของตัวเองเมื่ออายุได้ประมาณ 22 ปี โดยใช้ชื่อว่า “ฮกแซตึ๊ง” ใช่แล้วครับใช้ชื่อเดียวกับร้านของเตี่ย เปิดขายยาครบวงจรทั้ง ไทย จีน ฝรั่ง ตอนนี้หมอเส็งมีเมียแล้วแต่ก็ยังมีนิสัยชอบเที่ยวกลางคืน ใจใหญ่ใช้เงินเกินตัว จนในที่สุดร้านก็เจ๊งย่อยยับเพราะใช้เงินมากกว่าที่หามาได้ ทำให้กลับมายากจนเป็นหนี้เขาอีกครั้ง…

                                         

หาทำเลใหม่ เมื่ออยู่บางคล้ามันไม่เฟื่องฟูอีกแล้ว จึงย้ายไปเปิดร้านใหม่อยู่ที่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยตั้งชื่อตามชื่อลูกชายคนโตว่า “วิเศษเภสัช” ช่วงนั้นปี พ.ศ.2508 หมอเส็งอายุประมาณ 27 ปีแล้ว เป็นช่วงที่อเมริกาเข้ามาสร้างสนามบินอู่ตะเภาเพื่อใช้เป็นฐานทัพอากาศในสงครามเวียดนาม มีคนงานเป็นจำนวนมากบวกกับทหารอเมริกาที่มีเงินสามารถขายยาสมุนไพรให้ในราคาแพงๆได้สบาย ทำให้ร้านวิเศษเภสัชกิจการไปได้ดีมากๆทำเงินได้มหาศาล ร่ำรวยกว่าตอนอยู่บางคล้าเยอะ…


                   
                                         

ล่มจมเพราะนิสัยเดิม พอรวยแล้ว นิสัยชอบเที่ยว ชอบแจก ใช้เงินเกินตัวไม่เปลี่ยน ไปเที่ยวกลางคืนให้ทิปนักร้องคาเฟ่คืนหนึ่งสี่ห้าหมื่น เที่ยวเกือบทุกวันจนร้านเจ๊งอีกเหมือนเดิม คราวนี้เป็นหนี้หนัก โดนคดีเช็คเด้งเป็นร้อยคดี จนต้องเชิญเหล่าบรรดาเจ้าหนี้มาตกลงกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ

“หมอเส็ง กับ คำสาป”

                                                          

ความลี้ลับ!! มาคิดดูอีกทีร้าน “วิเศษเภสัช” ขายดีขนาดนี้ทำไมถึงยังเจ๊งได้.. ทำให้นึกถึงเหตุการณ์ในวันหนึ่ง วันนั้นลูกค้าเยอะมากขายแทบไม่ทัน ถึงกระนั้นขณะที่หมอเส็งกำลังขายของ แต่ภรรยานำของไปไหว้ “ตี่จู่เอี๊ยะ” หมอเส็งเห็นเข้าก็โมโหทันที ฟิวขาดสิครับ… ทำไมเมียไม่มาช่วยขายของ ด้วยความที่เป็นคนไม่เชื่อเรื่องเทพเจ้า เรื่องลี้ลับ “จึงเตะศาลตี่จู่เอี๊ยะกระจาย” งานเข้าสิครับทีนี้… กลางดึกคืนนั้นประมาณตี 1 กว่าๆ อยู่ๆก็ตื่น พอลืมตาขึ้นมาเห็นเหมือนมีคนยืนชี้หน้าอยู่นอกมุ้งแล้วพูดว่า “อยู่บ้านกูแล้วยังมาทำกับกูแบบนี้ ต่อไปชีวิตเอ็งจะฉิบหายไปอีก 15 ปี” โดนสาปซะแล้วครับแต่ถึงกระนั้นหมอเส็งก็ยังไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรขึ้นมา

                                                  

พลังแห่งคำสาปแช่ง ร้านวิเศษเภสัชแย่ลงเรื่อยๆ ยอดขายตกต่ำจากวันละ 3 หมื่น  เหลือแค่หลักพันและลดลงเรื่อยๆจนเจ๊งในที่สุด ถึงจะใช้วิธีเลิกเที่ยว กินประหยัด ใช้เงินเท่าที่จำเป็นก็ยังไม่ไหว ไม่ถึง 5 ปีก็เจ๊งไม่เป็นท่าต้องขายตึกเก่าที่บางคล้าเอาเงินมาทำทุน ไปเริ่มต้นสู้ชีวิตใหม่อีกครั้ง…

                   
                                          

เปิดร้านใหม่ย่านสำโรง ใช้เงินที่ขายตึกมาบวกกับไปหยิบยืมพรรคพวกมาลงทุนซื้อตึก และซื้อของใช้ที่จำเป็น ส่วนยาสมุนไพรก็ไปเครดิตเขามาก่อนจนได้เปิดร้าน “วิเศษเภสัช” อีกครั้ง เป็นหนี้เยอะแต่ไม่หนีไม่โกงใครจะทยอยใช้จนหมด ถึงมีหนี้เยอะแต่ก็มีลูกหนี้ด้วยเหมือนกัน มีอยู่วันหนึ่งนั่งแท็กซี่เพื่อไปทวงหนี้แต่ดันทวงไม่สำเร็จขากลับเงินหมดเลยต้องตัดสินใจนั่งรถเมย์กลับ ไปยืนรอรถเมย์ก็ไม่มาสักที ฝนก็ดันตกลงมาอีก สมุดบัญชีก็เปียกฝน ด้วยความโมโหและเป็นคนไม่กลัวเรื่องลี้ลับจึงชี้นิ้วด่าฟ้า “มึงอยากตกก็ตกลงมาเลย กูจะยืนอยู่ตรงนี้หล่ะ ดูซิว่ามึงจะหยุดก่อนหรือกูจะไปก่อน” ยืนอยู่จนกระทั่งฝนหยุดแล้วพูดว่า “เห็นไหมฟ้ายังแพ้กู กูไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว กูเปียกฝนก็เหมือนกูได้อาบน้ำมนต์ ต่อไปกูจะรวยให้ดู”

                                        

เวลาผ่านไปนับ 10 ปี พยายามอดทน ตั้งใจทำมาหากินอย่างไรก็ไม่ร่ำรวยสักที ได้แต่นั่งทบทวนชะตาชีวิตตัวเองแล้วก็นึกขึ้นมาได้หรือจะเป็นเพราะคำสาปของเจ้าที่…

 

                                         

โป๊ยเซียนเมตตา ที่โดนคำสาปจะแก้ได้ไหมแล้วต้องทำอย่างไร..? ปกติแล้วเป็นคนไม่เชื่อผีสางเทวดาแต่เมื่อสมัยเด็กมักจะไปช่วยงานที่โรงเจอยู่ประจำ ที่โรงเจมีการจัดพิธีทรงเจ้าทุกวันอาทิตย์เป็นการทรงของ “องค์ลือซุ่นเอี้ยงโจวซือ” ท่านเป็น 1 ใน 8 เซียนของจีน วิธีทรงจะไม่เหมือนการทรงเจ้าของไทยจะไม่มีการพูดแต่จะใช้ไม้ศักดิ์สิทธิ์เขียนตัวอักษรจีนแทน ซึ่งท่านศักดิ์สิทธิ์มากแสดงปาฏิหาริย์ให้เห็นหลายครั้ง ทำให้นึกถึงท่านขึ้นมาอยากกลับไปไหว้ขอคำแนะนำจากท่าน

                                           

ในงานพิธีทรงเจ้า หมอเส็งได้ไปขอคำแนะนำจาก “องค์ลือซุ่นเอี้ยงโจวซือ” ท่านถามมาว่า “เจ้ากำลังมีเคราะห์รู้หรือเปล่า เคยไปล่วงเกินสัมภเวสี ทำให้ทุกวันนี้ดวงเหมือนจะดีแต่ก็ยังไม่ดี” แล้วท่านก็บอกอีกว่า “เดี๋ยวจะไปขอขมาให้” ส่วนหมอเส็งก็กลับไปบ้านสมมุติสถานที่ ทำการไหว้ขอขมาด้วยตัวเองอีกที

 

                                          

หลังจากแก้คำสาป ก็ค่อยๆกลับมารุ่งเรื่องอีกครั้ง แต่ก็สุดท้ายก็กลับไปจนเหมือนเดิมเพราะติดนิสัยเดิม เงินก็หมดไปกับการเที่ยวแถมร้านยังมาไฟไหม้ แต่ครั้งนี้ไม่เสียหายมาก ถึงอย่างนั้นก็ถึงกับต้องย้ายกิจการไปอยู่แถว 35 โบวล์ แยกปิ่นเกล้า แต่ก็ไม่ดีขึ้นชีวิตลำบาก มองไม่เห็นอนาคต จึงตัดสินใจกลับไปอยู่กับเตี่ยช่วยงานที่คลีนิคเตี่ยแถวนางเลิ้ง เตี่ยดีใจมากเพราะตอนนี้หมอเส็งสั่งสมประสบการณ์มาจนเก่งกาจสมกับที่เตี่ยหวังไว้แล้ว ทำให้แบ่งเบาภาระในร้านได้มากเลยทีเดียว ในเวลาต่อมาคลีนิคที่นางเลิ้งแห่งนี้เกิดไฟไหม้ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ในชีวิตของหมอเส็ง แต่ครั้งนี้เสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เหมือนฟ้าเป็นใจ ได้พบกับ “คุณทวีศักดิ์ มาลาสาร” นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง เขาเป็นโรคหัวใจโต ไปรักษาที่โรงพยาบาลแล้วไม่หายแต่มาหายด้วยสมุนไพร เขาเลยพุดโฆษณาทางวิทยุให้ฟรีๆ ทำให้มีคนเข้าคลีนิคไม่ขาดสาย ตรวจรักษาที่นางเลิ้งไม่กี่ปี มีเงินเป็นสิบล้านเลยซื้อบ้านไว้หลังหนึ่งแถวดินแดง ขนาด 100 ตารางวา เมื่อเตี่ยเสียไปจึงย้ายมาเปิดคลีนิคที่บ้าน ใช้ชื่อว่า “คลีนิค หมอเส็ง”

ก้าวหน้าร่ำรวย มีอยู่วันหนึ่งได้พบ “คุณวิทยา สุขดำรงค์” เข้ามาตรวจรักษาที่คลีนิค เขาป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ พอกินยาเข้าไปอาการดีขึ้นมากเขาเลยช่วยกระจายข่าวให้ เขาเป็นนักจัดรายการสถานีวิทยุ FM สมัยนั้นฮิตมากแฟนๆรายการเยอะ ทำให้มีคนไข้มาตรวจรักษาวันละ 50 ถึง 60 คนเลยทีเดียว

                                                    

ในเวลาต่อมา ได้เปิดบริษัทขายตรงขึ้นด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของคุณหมอเส็ง บวกกับความตั้งใจที่จะใช้ประโยชน์จากความรู้และประสบการณ์ ที่ได้สั่งสมมาเป็นเวลากว่า 50 ปี และความต้องการที่จะให้ผู้ป่วยที่ไม่ค่อยมีสตางค์ ได้กินยาดีๆและช่วยให้หายป่วยได้จึงเป็นจุดกำเนิดก่อเกิดเป็น บริษัท ฉัตรสุริยะ (2002) จำกัด ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรไทย ในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2545 และเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ เมื่อ วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2545 ณ สำนักงานเลขที่ 703 ถนนวงศ์สว่าง แขวงบางซื่อ กรุงเทพฯ จากนั้นภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี ด้วยความเจริญเติบโตก้าวหน้าทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว ในวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2546 จึงได้ลงทุนสร้าง โรงงานขนาดใหญ่ ได้มาตรฐานสากล ณ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี เพิ่มศักยภาพทางด้านการผลิตยาสมุนไพรให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค ได้อย่างทั่วถึงและทันท่วงที

                                                     

ต่อมาอีกเพียง 1 ปี บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบโครงสร้างการดำเนินงานภายในใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจไปสู่ตลาดโลกในนานาอารยประเทศพร้อมทั้ง เปลี่ยนชื่อใหม่ให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมเป็น บริษัท แสงสุริยะฉัตร (2002) จำกัด และในปี 2016 เพื่อก้าวสู้อาเซียน ทางบริษัทจึงได้ทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทอีกครั้งเป็น บริษัท หมอเส็ง(ไทยแลนด์) จำกัด ณ บัดนี้บริษัทฯ จึงมีความพร้อมที่จะมอบสุขภาพที่ดีให้กับผู้คนทั่วโลก และมอบโอกาสทางธุรกิจ ที่เหนือระดับให้กับบุคคลทั่วไปอย่างเท่าเทียมกันทุกคน

                                    
โรงงานของบริษัทหมอเส็ง มีชื่อว่าบริษัทฉัตรชัยแพทย์แผนโบราณจำกัด สถานที่ตั้งของโรงงาน เลขที่ 36 หมู่ 8 ตำบลห้วยขมิ้น อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ภายในโรงงานใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยและได้มาตรฐานสากล ISO 9001 : 2000  ส่วนการผลิตนั้นเริ่มจากการคัดสรรวัตถุดิบจากสมุนไพรคุณภาพชั้นนำ จากแหล่งผลิตที่มีชื่อเสียง นำมาปรุงแต่งอย่าง

พิถีพิถัน ตามกระบวนการผลิตที่ถูกต้องตามหลักวิชาการแพทย์ และเภสัชกร จากนั้นนำไปตรวจสอบมาตรฐานและคุณภาพครั้งแล้วครั้งเล่า จนได้ส่วนที่ดีที่สุดจากสมุนไพรไปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง

                                  

นอกจาก ISO ยังได้รับมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) จึงมันใจได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีคุณภาพ มีมาตรฐานสม่ำเสมอ และกระบวนการผลิตมีความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงาน ไม่ก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวไปสู่ตลาดโลกในนานาอารยประเทศ

                                  

ผลิตภัณฑ์สมุนไพรหมอเส็ง เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากสมุนไพรไทยและจีน ที่มากด้วยสรรพคุณและคุณประโยชน์มากมายเหมาะกับทุกเพศทุกวัย และในปัจจุบันธุรกิจสมุนไพร ยังได้รับความนิยมอย่างมากถือเป็นการสร้างโอกาสและรายได้ให้กับสังคม ให้ทุกคนมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอีกด้วย คงไม่สามารถบอกท่านได้ว่าสมุนไพรดีอย่างไร..? จนกว่าท่านจะลองพิสูจน์ด้วยตนเอง

                                       

เรื่องของการทำบุญ หมอเส็งบอกว่าเรื่องผลของการทำบุญสมมุติเราถูกกำหนดมาให้ชีวิตนี้มีเงินเก็บแค่หมื่นเดียว แต่การทำบุญทำทานจะช่วยเสริมชะตาชีวิตจากที่มีแค่หมื่นเดียวกลายเป็นแสน เป็นล้าน หรือสิบล้านก็ได้ เพราะฉะนั้นหมั่นสร้างบุญกุศลกันไว้มากๆ เพื่อเป็นรากฐานที่มั่นคงของชีวิต ทำบุญเท่าที่มี ไม่ให้เดือดร้อนตน แล้วจะกลายเป็นกุศลช่วยให้เรา ก้าวหน้าเจริญใหญ่โตในอนาคต…

                                              

เรื่องภรรยา หมอเส็งเล่าว่า มีภรรยามาทั้งหมด 12 คน แต่ปัจจุบันคนล่าสุดอายุห่างกัน 30 ปี “ผมจีบผู้หญิงไม่เป็น ถ้าชอบก็ชวนมาอยู่เลย อย่างคนล่าสุดเราชอบเขา ก็ขอกับพี่เขาตรงๆ ว่าเราชอบ มาเป็นภรรยาเราไหม ซึ่งผมดูแลภรรยาทุกคนเป็นอย่างดี  แต่ก็ยอมรับว่าบางคนอาจไม่ชอบก็ไปจากผมเอง ทุกวันนี้ลูกๆ จากภรรยาทุกคนรวมถึงภรรยาปัจจุบันก็ช่วยกันทำธุรกิจของผม…

สุดท้ายหมอเส็งฝากข้อคิดดีๆไว้ว่า “มีเงินทองต้องประหยัด เก็บเอาไว้ ความฟุ้งเฟ้อหน้าตา เป็นของปลอมทั้งนั้นครับ”

Visitors: 333,430